เปรียบเทียบเครื่องพ่นปุ๋ยและเครื่องพ่นยา KANTO ยี่ห้อไหนดี? อัปเดตปี 2025!

ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดปลูก หรือเกษตรกรมืออาชีพ การมีเครื่องพ่นปุ๋ย เครื่องพ่นยา หรือแม้แต่เครื่องพ่นสีไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้งานของคุณง่ายขึ้น ประหยัดเวลา และได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม ในปี 2025 นี้ มีเครื่องพ่นหลากหลายรุ่นให้เลือกสรรค์ เราได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์เด่นจาก KANTO และแบรนด์คุณภาพอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน มาดูกันว่ารุ่นไหนจะเหมาะกับคุณที่สุด!

เครื่องพ่นสีและพ่นยาฆ่าเชื้อไฟฟ้า ⚡

สำหรับงาน DIY งานพ่นสี หรือพ่นฆ่าเชื้อโรคในบ้านและอาคาร เครื่องพ่นไฟฟ้าให้ความสะดวกสบายและใช้งานง่าย

KANTO เครื่องพ่นสีไฟฟ้า KT-ZOOM-GOLD กำลังไฟ 750W

KANTO เครื่องพ่นสีไฟฟ้า KT-ZOOM-GOLD

พลังแรง 750W พ่นได้หลากหลาย ทั้งสีและน้ำยาฆ่าเชื้อ
✅ ข้อดี
  • กำลังไฟสูง 750W
  • ถังจุ 1000cc ทำงานได้ต่อเนื่อง
  • อเนกประสงค์ (พ่นสี, พ่นยาฆ่าเชื้อ)
⚠️ ข้อจำกัด
  • อาจไม่เหมาะกับงานพ่นปุ๋ย/ยาเคมีเกษตรบางชนิด
  • ต้องทำความสะอาดหลังใช้งานอย่างละเอียด
Kanto เครื่องพ่นสีไฟฟ้า KT-Painto สำหรับพ่นแอลกอฮอล์

Kanto เครื่องพ่นสีไฟฟ้า KT-Painto

ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับงานพ่นฆ่าเชื้อ
✅ ข้อดี
  • กำลังไฟเหมาะสม 600W
  • ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา
  • ใช้งานง่ายสำหรับพ่นยาฆ่าเชื้อ
⚠️ ข้อจำกัด
  • ความจุถังอาจจำกัดกว่ารุ่นที่ใหญ่กว่า
  • ไม่เหมาะกับงานพ่นหนักๆ

เครื่องพ่นปุ๋ยและพ่นยาแบบสะพายหลัง (เครื่องยนต์) 🚜

สำหรับงานเกษตรกรรมขนาดใหญ่ ที่ต้องการพลังงานสูงและทำงานได้ต่อเนื่องยาวนาน เครื่องยนต์เบนซินคือคำตอบ

KANTO เครื่องพ่นปุ๋ย 2จังหวะ 26 ลิตร KT-3WF-26R

KANTO เครื่องพ่นปุ๋ย 2จังหวะ 26 ลิตร KT-3WF-26R

ถังใหญ่ 26 ลิตร เครื่องยนต์ 2 จังหวะ ทนทานสำหรับงานหนัก
✅ ข้อดี
  • ความจุสูง 26 ลิตร ทำงานได้ยาวนาน
  • เครื่องยนต์ 2 จังหวะทรงพลัง
  • เหมาะสำหรับงานเกษตรขนาดใหญ่ พ่นได้หลากหลาย
⚠️ ข้อจำกัด
  • มีเสียงดังและควันจากเครื่องยนต์
  • ต้องผสมน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนใช้งาน
KANTO ถังพ่นยา KT-NS-UT31 เครื่องยนต์ 2 จังหวะ

KANTO ถังพ่นยา KT-NS-UT31

สตาร์ทง่าย ระบบ Easy Start พร้อมถัง 25 ลิตร
✅ ข้อดี
  • ระบบ Easy Start สตาร์ทง่าย
  • ความจุ 25 ลิตร เหมาะสมกับงานสวนทั่วไป
  • ประหยัดเชื้อเพลิง ทนทานต่อการใช้งาน
⚠️ ข้อจำกัด
  • มีเสียงดังและควันจากเครื่องยนต์
  • การบำรุงรักษาเครื่องยนต์
NIPPON เครื่องพ่นลมสะพายหลัง 26 ลิตร พร้อมลิ้นสแตนเลส

NIPPON เครื่องพ่นลมสะพายหลัง 26 ลิตร

แบรนด์คุณภาพ ถังใหญ่ 26 ลิตร พร้อมลิ้นสแตนเลส ทนทาน
✅ ข้อดี
  • ความจุสูง 26 ลิตร
  • ลิ้นสแตนเลส ทนทานต่อการกัดกร่อน
  • รับประกัน 1 ปี เพิ่มความมั่นใจ
  • เหมาะสำหรับหว่านข้าว/ปุ๋ยเม็ด
⚠️ ข้อจำกัด
  • มีเสียงดังและควันจากเครื่องยนต์
  • น้ำหนักอาจมากเมื่อเติมเต็ม

เครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ (สะพายหลัง) 🔋

ทางเลือกใหม่ที่เงียบสงบ ไร้มลพิษ และสะดวกสบาย เหมาะสำหรับสวนขนาดเล็กถึงกลาง

KANTO เครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ KT-BATT-16 ขนาด 16 ลิตร

KANTO เครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ KT-BATT-16

ไร้สาย ไม่ต้องเติมน้ำมัน ใช้งานได้นาน 7-8 ชั่วโมง
✅ ข้อดี
  • ไร้เสียง ไร้ควัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • ใช้งานต่อเนื่อง 7-8 ชั่วโมงต่อการชาร์จ
  • ปรับแรงดันได้ตามต้องการ
  • น้ำหนักเบา สะพายสบาย
⚠️ ข้อจำกัด
  • ต้องชาร์จแบตเตอรี่ก่อนใช้งาน
  • กำลังพ่นอาจไม่แรงเท่าเครื่องยนต์ในบางกรณี

หวังว่าข้อมูลที่เราคัดสรรมาให้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเครื่องพ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ การมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมย่อมทำให้งานของคุณสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอให้มีความสุขกับการทำสวนและดูแลพืชพรรณของคุณ!

❓ คำถามที่พบบ่อย

ควรเลือกเครื่องพ่นปุ๋ย/ยา แบบไหนดี?

การเลือกเครื่องพ่นขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ใช้งานและประเภทของสารที่จะพ่น หากเป็นงานสวนเล็กๆ หรือพ่นยาฆ่าเชื้อในบ้าน เครื่องพ่นไฟฟ้าแบบมือถือก็เพียงพอ หากเป็นงานเกษตรขนาดใหญ่ที่ต้องการกำลังสูงและพ่นได้ต่อเนื่อง ควรเลือกเครื่องพ่นแบบสะพายหลังชนิดเครื่องยนต์เบนซิน ส่วนเครื่องพ่นแบตเตอรี่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบสงบและไม่ต้องการดูแลเครื่องยนต์

เครื่องพ่นสีไฟฟ้าใช้พ่นยาฆ่าเชื้อได้ไหม?

ได้! เครื่องพ่นสีไฟฟ้าหลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่นที่มีกำลังวัตต์เหมาะสม สามารถปรับใช้พ่นแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการพ่นฆ่าเชื้อในพื้นที่กว้างหรือตามจุดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม ควรทำความสะอาดเครื่องอย่างละเอียดหลังจากใช้งาน เพื่อป้องกันการอุดตันและยืดอายุการใช้งาน

การดูแลรักษาเครื่องพ่นปุ๋ย/ยา ทำอย่างไร?

หลังใช้งานทุกครั้ง ควรล้างถังและหัวพ่นด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง เพื่อขจัดสารเคมีตกค้าง โดยเฉพาะหากใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน สำหรับเครื่องยนต์ ควรตรวจเช็คน้ำมันเครื่อง (ถ้ามี) และทำความสะอาดไส้กรองอากาศเป็นประจำ ส่วนเครื่องแบตเตอรี่ ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มหลังใช้งานและไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงเป็นเวลานาน